www.reborn.com

 

วัดพระบรมธาตุ


ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะคา ใจกลางเมืองตากเก่า เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีมะเมีย (แทนเจดีย์ชะเวดากอง) ซึ่งองค์เจดีย์มีลักษณะทรางสี่เหลี่ยม ต่อมาพระครูพิทักษ์บรมธาตุ (ทองอยู่) ได้บูรณะใหม่โดยสร้างครอบองค์เดิมไว้ สูงประมาณ 20 เมตร มีลักษณะทรงแปดเหลี่ยม ศิลปะล้านนา ภายนอกบุด้วยทองดอกบวบ (ทองเหลืองผสมทองแดง) มีเจดีย์องค์เล็ก 16 องค์ ซุ้มสำหรับบรรจุพระพุทธรูป 12 องค์ ซึ่งซุ้มสำหรับใส่ปั้นอ้อนช้อย สวยงามมาก วัดพระบรมธาตุ เป็นวัดเก่า ได้รับ การปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง ตัวอุโบสถมีประตูเป็นไม้แกะสลักที่วสยงาม หน้าบันและจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันได เป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่ามีเพดานสูง 2 ชั้นมีช่องลมอยู่โดยรอบ ทำให้อากาศภายในวิหารเย็นสบาย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองและมีวิหารอีกหลังหนึ่ง ซึ่งมีพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองชื่อ หลวงพ่อทันใจ ซึ่งเป็นที่เคารพสักกาะของประชาชน ทั้งในจังหวัดตากและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีวิหารไม้เก่าแก่ ที่มีลายแกะสลักไว้ให้ชม นับเป็นวัดที่มีคุณค่าในทางโบราณคดีมาก
มีการจัดพิธีสมโภชและสักการะพระธาตุในวันขึ้น 14และ 15 ค่ำ เดือน 7 ของทุกปี

การเดินทางจากตัวเมืองตากไปตามทางหลวงหมายเลข 1107 ประมาณ 35 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสูทางหลวงหมายเลข 1175 อีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดพระบรมธาตุอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ตรงกิโลเมตรที่ 442 เข้าอำเภอบ้านตากผ่านสะพานข้ามแม่น้ำปิ แล้วเลี้ยวขวาผ่านวัดท่านา จนถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้าย 200 เมตร ถึงวัดพระบรมธาตุอยู่ทางซ้ายมือ

ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่ และเป็นที่มาของคำว่า มอหินขาว และในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตร นอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือ เจดีย์ หอเอียงเมืองปิซ่า และคล้ายกระดองเต่า ซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไป แท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไป และเมื่อห่างออกไปอีกประมาณ 1,500 เมตร จะเป็นกลุ่มหินที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก โดยลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผาที่มีชื่อว่า ผาหัวนาก และบริเวณมอหินขาวยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ

 

นอนนับดาว ที่มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ

นอนนับดาว ที่มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ

          ที่มาของชื่อ มอหินขาว: เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่ และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไป แต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาวสโตนเฮนจ์ เมืองไทย“เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาวส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปี และเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว กลุ่มหินของมอหินขาวกลุ่มที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่ เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตร ต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน เชื่อว่าที่นี่จะได้รับความนิยมในบ้านเราในเวลาไม่นานนัก สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 044810902-3 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ทุ่งกะมังอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ป่าในเขตอำเภอคอนสาร เกษตรสมบูรณ์ และหนองบัวแดง ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า การเพาะเลี้ยงและการขยายพันธุ์สัตว์ป่า เช่น ไก่ฟ้าพญาลอ นกยูง เก้ง กวาง และเนื้อทราย เป็นต้น โดยปล่อยสัตว์ให้อาศัยอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ สามารถสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ได้เอง ได้มีการจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติสำหรับผู้สนใจศึกษาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

 

แวะเที่ยวทุ่งกะมัง จังหวัดชัยภูมิ

แวะเที่ยวทุ่งกะมัง จังหวัดชัยภูมิ     
          
          ทุ่งกระมัง เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว แหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์กินพืช มีเนื้อที่ 830 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2526 และ พ.ศ. 2535โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ปล่อยสัตว์ป่าคืนถิ่นในบริเวณนี้ เช่น เก้ง กวาง กระจง และนกต่างๆ มีการจัดทำดินโป่งในบริเวณทุ่งกะมังเพื่อให้สัตว์มากินดินโป่งและเผาแปลงทุ่งหญ้าเพื่อให้เกิดหญ้าระบัดเป็นอาหารของเก้ง กวางในช่วงฤดูแล้ง บนยอดเนินเหนือบริเวณทุ่งกะมัง มีพระตำหนักที่ประทับอยู่เหนืออ่างน้ำ
แวะเที่ยวทุ่งกะมัง จังหวัดชัยภูมิ

          การเดินทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวใช้เส้นทางเดียวกับเขื่อนจุฬาภรณ์ ก่อนถึงเขื่อน 3 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายจากด่านตรวจ (ปางม่วง) ไปยังที่ทำการเขตฯ อีก 24 กิโลเมตร การเข้ามาทัศนศึกษาในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีสองกรณีคือ หากเข้าชมแบบไป-กลับวันเดียว สามารถขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่บริเวณด่านตรวจปางม่วง กรณีพักค้างแรมต้องได้รับอนุญาตจากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ กรุงเทพฯโดยตรง ทางเขตฯค่อนข้างเคร่งครัดในกฎระเบียบเพราะสภาพพื้นที่ที่อุดมไปด้วยป่าไม้และสัตว์ป่า การเดินทางเข้ามาในพื้นที่ก็เสมือนการเข้ามารบกวนธรรมชาติ ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าจริง ๆ และทางเขตฯไม่เปิดให้เข้าทัศนศึกษาในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน

 

เที่ยวน้ำตก กับลมหนาว ที่น้ำตกตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ

เที่ยวน้ำตก กับลมหนาว ที่น้ำตกตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ

          อุทยานแห่งชาติตาดโตน อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองชัยภูมิ ทางทิศเหนือของจังหวัดชัยภูมิ ลักษณะทางธรณีวิทยาประกอบด้วย หินปูนและหินดินดาน โดยเฉพาะบริเวณน้ำตกตาดโตนประกอบด้วยลานหินที่กว้างใหญ่และสวยงาม พื้นที่ทั่วไปปกคลุมด้วยป่าดิบแล้งและป่าเต็งรังเป็นส่วนใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 135,737.50 ไร่ หรือ 217.18 ตารางกิโลเมตร

เที่ยวน้ำตก กับลมหนาว ที่น้ำตกตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ

          ในปี พ.ศ. 2513 ป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ ได้พิจารณาเห็นว่าน้ำตกตาดโตน ซึ่งอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติภูแลนคา ท้องที่ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วยลานหินกว้างและมีน้ำไหลตลอดปี เหมาะสมที่จะจัดเป็นวนอุทยานขึ้น จึงได้เสนอให้กรมป่าไม้พิจารณาดำเนินการ ซึ่งกรมป่าไม้มีมติเห็นชอบตามที่จังหวัดเสนอให้จัดตั้ง “วนอุทยานน้ำตกตาดโตน” ขึ้น เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2518 โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของสำนักงานป่าไม้จังหวัดชัยภูมิ

เที่ยวน้ำตก กับลมหนาว ที่น้ำตกตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ

          ต่อมา กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การจัดวนอุทยานแห่งนี้ เป็นไปตามหลักวิชาการ และเพื่อรักษาสภาพธรรมชาติอันสวยงามแห่งนี้ไว้ ควรสำรวจและปรับปรุงยกฐานะวนอุทยานน้ำตกตาดโตน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ จึงมีคำสั่งกรมป่าไม้ที่ 655/2518 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2518 ให้นายไกรลาศ เทพสัมฤทธิ์พร นักวิชาการป่าไม้ 4 หัวหน้าวนอุทยานน้ำตกตาดโตน ดำเนินการสำรวจหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า วนอุทยานน้ำตกตาดโตนมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง เหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามหนังสือวนอุทยานน้ำตกตาดโตน ที่ กษ 0808(ตน)/28 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2519

          กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีมติในคราวการประชุมครั้งที่ 2/2519 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2519 เห็นชอบให้ยกฐานะวนอุทยานน้ำตกตาดโตนเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคา ในท้องที่ตำบลท่าหินโงม ตำบลห้วยต้อน ตำบลนาฝาย และตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 97 ตอนที่ 208 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2523 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 23 ของประเทศ

 

 

 

สัมผัสความหนาวที่สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน “วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย”

 

          มีโอกาศได้ไปเที่ยววังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซียมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง ไปเที่ยวชมบรรยากาศดอกไม้สวย ๆ กับอากาศหนาวที่สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน ก็คือวังน้ำเขียวนั่นเอง ถ้าได้ไปแล้วสัมผัสกับบรรยากาศจริง ๆ จะดีมาก ๆ เลย อยากแนะนำให้ไปกันน่ะค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง

สัมผัสความหนาวที่สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย

          การจัดงาน วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย นั่นเกิดขึ้นได้โดย สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน  สนับสนุนการประชาสัมพันธ์โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานนครราชสีมา จัดงานสีสันแห่งความสุข  “Wangnamkeaw Flora Fantasia” วังน้ำเขียว ฟลอร่าแฟนตาเซีย มหัศจรรย์งานศิลป์  ดินแดนแห่งความสุข ในระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2553 – 28 กุมภาพันธ์ 2554  ณ  บริเวณแยกวัดโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

สัมผัสความหนาวที่สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย

          โดยพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว  จังหวัดนครราชสีมา ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม อากาศที่สุดบริสุทธิ์  เป็นที่กล่าวขานของสุขภาพนิยม  กับอีกหนึ่งสีสันของเทศกาลความสุขที่เกิดขึ้น  ตลอด 3 เดือนในช่วงฤดูหนาว ในวันที่ฟ้าสดใส อากาศที่เย็นสบาย  เราขอนำเสนอเทศกาลที่น่าสนใจและถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรค่าแก่การเดินทางท่องเที่ยวยิ่งนัก…”วังน้ำเขียว ฟลอร่าแฟนตาเซีย” มหัศจรรย์งานศิลป์  ดินแดนแห่งความสุข เริ่มต้นด้วยการเนรมิตศิลปะกลางหุบเขา ให้เป็นสวนจิตรกรรมธรรมชาติท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก มหกรรมการแสดงดอกไม้คู่กับงานศิลปะที่งดงามไม่แพ้มหกรรมดอกไม้ใดๆ ที่จัดขึ้นในโลกนี้ สุดยอดความสวยงามของมวลดอกไม้หลากหลายบนเนื้อที่กว่า 60 ไร่ สวนจิตรกรรมธรรมชาติเทคนิค Vertical Garden  โดยร่วมกับศิลปินชั้นนำ จำลองภาพอลังการดุจภาพวาดจากปลายพู่กันและถังสีขนาดยักษ์ ด้วยเขาวงกตดอกไม้กว่า 200,000 กระถาง ดอกไม้ปลูกและหว่านกว่าล้านเมล็ด จุดชมวิวและถ่ายภาพมุมสูง และที่สำคัญรายได้จากบัตรเข้าชมหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว  ร่วมสร้างอาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 8 สภากาชาดไทย

สัมผัสความหนาวที่สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน วังน้ำเขียวฟลอร่าแฟนตาเซีย

Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  4,492
Today:  2
PageView/Month:  29

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com